วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประวัติบัวขาว

เขียนโดย My self ที่ 07:32


ประวัติบัวขาว

http://www.siamsport.co.th/_ImagesNews/120414E2U82240.jpg


บัวขาว บัญชาเมฆ หรือในชื่อเดิม บัวขาว ป.ประมุข เกิดวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2525 เป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในวงการการต่อสู้ระดับสากล โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและประเทศญี่ปุ่นเป็นนักมวยไทยสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข ส่วนสูง 174 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม บัวขาวจัดเป็นหนึ่งในนักกีฬาอาชีพไทยที่ทำรายได้สูง โดยส่วนใหญ่มาจากการชกมวยที่ต่างประเทศ นอกจากนี้แล้ว ยังมีผลงานการแสดงในภาพยนตร์ไทยเรื่อง ซามูไร อโยธยา และใน พ.ศ. 2554 บัวขาวได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการไทยไฟท์ ที่ประเทศไทย ในรุ่น 70 กิโลกรัม  ซึ่งได้เป็นแชมป์ของการแข่งขันครั้งนี้อีกด้วย
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 บัวขาวได้หายตัวไปอย่างลึกลับ และไม่สามารถติดต่อได้โดยทางฝ่ายจัดการได้ยกเลิกแผนการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนแผนการแข่งขันที่จะจัดขึ้นทั้งในประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ โดยมีการกล่าวถึงการหายตัวของบัวขาวในสื่อมวลชนหลายแห่ง ทั้งในและนอกประเทศไทย และในที่สุด บัวขาวก็ได้เปิดเผยตัว โดยให้สัมภาษณ์ว่า ที่หายตัวนั้นไปไม่ได้เป็นอารมณ์ชั่ววูบ แต่ตัดสินใจอย่างดีแล้ว เนื่องจากไม่พอใจในเรื่องส่วนแบ่งค่าตัวของตัวเอง และนักมวยรุ่นน้องในค่าย
ที่สุดในวันที่ 17 เมษายนปีเดียวกัน บัวขาวได้ขึ้นชกในรายการไทยไฟท์ที่แหลมบาลีฮาย พัทยา ในรุ่น 70 กิโลกรัม ในฐานะแชมป์เก่า และถือเป็นนักมวยแทน ไทรโยค พุ่มพันธุ์ม่วง ที่พักผ่อนไม่เกิน 21 วัน ตามพระราชบัญญัติกีฬามวย โดยเป็นฝ่ายเอาชนะน็อก รัสเต็ม ซารีปอฟ นักมวยชาวรัสเซียไปได้ในยกที่ 2 ซึ่งหลังการชก บัวขาวเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนขึ้นชกโดยไม่กลัวว่าจะผิดกฏหมาย แม้จะต้องติดคุกก็ตาม เพราะก่อนหน้านั้นทางค่าย ป.ประมุข ได้เปิดเผยสัญญาว่า หากบัวขาวขึ้นชกในรายการนี้โดยที่ไม่สังกัดค่ายจะถือว่าผิดกฏหมาย และจะทำการฟ้องร้อง
ปัจจุบัน บัวขาว ได้ร่วมกับ ดี พุฒหอม (ครูมวยคนแรก) และ ทอง บุรากร (เทรนเนอร์คนแรก) เปิดค่ายฝึกสอนมวยไทย ที่จังหวัดสุรินทร์ โดยใช้ชื่อค่าย "บัวขาว" หรือ "บัญชาเมฆ" เป็นชื่อชั่วคราว




          บัวขาวเกิดและเริ่มชีวิตอาชีพมวยไทย ตั้งแต่เมื่ออายุได้ 8 ขวบ ที่อำเภอสำโรงหาบ จังหวัดสุริทร์ เข้ากรุงเทพมาสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข เมื่ออายุได้ 15 ปี บัวขาวได้รับเข็มขัดแชมป์มาครองเป็นจำนวนมากภายหลังเริ่มอาชีพมวยไทยที่ กรุงเทพ ได้แชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวท แชมป์ประเทศไทยรุ่นเฟเธอร์เวท และแชมป์ที่เวทีมวยสยามอ้อมน้อยอีกครั้ง ในรุ่นไลท์เวท ในปี พ.ศ. 2545 บัวขาวชนะเลิศมวยไทยมาราธอนโตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ที่สนามมวยลุมพินีชนะโคบายาชินักชกชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2547 บัวขาวชนะเลิศรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ 2004 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยชนะ จอห์น เวยห์ พาร์ นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย โคะฮิรุยมาคิ และมาซาโตะแชมป์เก่าชาวญี่ปุ่น และในปีต่อมา บัวขาวเกือบที่จะรักษาแชมป์รายการ เค-วัน ได้ โดยแพ้คะแนน แอนดี้ ซอเยอร์ ในนัดชิงชนะเลิศอย่างน่ากังขา
พ.ศ. 2549 บัวขาวเข้าชิงชนะเลิศรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ ได้ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และเป็นแชมป์ได้อีกครั้ง โดยเป็นนักมวยคนแรกในรายการนี้ที่ชนะเลิศสองสมัย
พ.ศ. 2550 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ ในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550 บัวขาวสามารถผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายโดยชนะคะแนน ไนกีย์ "เดอะ เนเจอรัล" โฮลต์ซเคน นักมวยชาวฮอลแลนค์
พ.ศ. 2551 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ โดยบัวขาวแพ้น็อกให้กับ โยชิฮิโร่ ซาโตะ นักมวยชาวญี่ปุ่น แฟนมวยบางส่วนกังขาว่ามีการล้มมวยหรือไม่ แต่พิจารณาแล้วพบว่าบัวขาวแพ้น็อกจริงๆ ด้วยเข่าของซาโตะทำให้จุกและโดนหมัดฮุคเข้ากกหูสลบคาเวที เป็นความเสียใจของคนไทยครั้งหนึ่ง
พ.ศ. 2552 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ โดยคราวนี้สามารถเข้าถึงรอบ 4 คนสุดท้าย แต่ต้องมาแพ้คะแนนให้แอนดี้ ซาวเวอร์ คู่ปรับเก่าอย่างน่ากังขาอีกหน บัวขาวถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอยากให้กรรมการชี้แจงผลการตัดสิน แฟนมวยเควันต่างพากันเห็นใจบัวขาวโดยมีหลักฐานคือผลโหวตนักสู้เค-วันแม็กซ์ ของปีนี้ บัวขาวได้เป็นอันดับ 2 ด้อยกว่าเพียง จอร์จิโป โปรโตเลียม แชมเปี้ยนรายการเควันปีนี้เท่านั้น
ใน พ.ศ. 2554 บัวขาวได้เข้าแข่งขันในรายการไทยไฟท์ โดยเป็นฝ่ายชนะน็อค ไมเคิล พิซิเทโล่ ซึ่งเป็นนักมวยชาวฝรั่งเศสในรอบรองชนะเลิศ และได้พบกับแฟร้งค์ จอร์จี้ จากประเทศออสเตเรียในรอบชิงชนะเลิศที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 18 ธันวาคม ของปีเดียวกันนี้ ซึ่งบัวขาวเป็นฝ่ายชนะ และครองแชมป์ในการแข่งขันครั้งนี้
พ.ศ. 2555 บัวขาวตกเป็นข่าวฮือฮาเมื่อได้หายตัวออกจากค่ายอย่างเป็นปริศนา หลังจากนั้นไม่นานบัวขาวก็ได้ปรากฏตัวพร้อมเผยว่า ที่ต้องหนีออกจากค่ายเนื่องจากไม่พอใจในหลาย ๆ อย่าง และต้องการเป็นอิสระ ซึ่งทางค่าย ป.ประมุขก็ได้เผยว่า หากบัวขาวขึ้นชกต่อไป จะถือว่าผิดสัญญาตามกฏหมาย และจะทำการฟ้องร้อง แต่ในในวันที่ 17 เมษายน บัวขาวได้ขึ้นชกในรายการไทยไฟท์ ในนัดเปิดรายการ ที่แหลมบาลีฮาย พัทยา ในรุ่น 70 กิโลกรัม ในฐานะแชมป์เก่า เป็นฝ่ายเอาชนะน็อก รัสเต็ม ซารีปอฟ นักมวยชาวรัสเซียไปได้ในยกที่ 2 ซึ่งหลังการชก บัวขาวเปิดเผยว่า ตนขึ้นชกโดยไม่กลัวว่าจะผิดกฏหมาย แม้จะต้องติดคุกก็ตาม

หลังจากที่บัวขาวมีข่าว
  เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสมบัติ บัญชาเมฆ (บัวขาว ป.ประมุข) ได้มอบหมายให้ ดร.เทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ทนายความ ไปยื่นคำให้การในคดีที่ ค่าย ป.ประมุข ฟ้องต่อศาลแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน จากกรณีที่บัวขาวขึ้นชกมวยศึกไทยไฟต์ ที่พัทยา เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555
โดยบัวขาวยื่นคำให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำผิดต่อค่ายมวย เพราะเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2553 นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่าย ได้ไปเซ็นสัญญากับ บริษัท สปอร์ต อาร์ต ให้ขึ้นชกในศึกไทยไฟต์ เป็นเวลา 2 ปี จนถึงเดือนธันวาคม 2555 โดยนายธีรพัฒน์ได้ลงชื่อเป็นพยานในสัญญา ซึ่งการกระทำดังกล่าวเท่ากับค่ายมวยยอมรับว่าภาย ในกำหนดสัญญา 2 ปี ค่ายมวยยินยอมหรืออนุญาตให้บัวขาวขึ้นชกในศึกไทยไฟต์ได้ และค่ายมวยได้ยินยอมมอบสิทธิ์ในขึ้นชกมวยของบัวขาวให้สปอร์ต อาร์ตแล้วซึ่งในสัญญาถ้าบัวขาวไม่ยอมขึ้นชกศึกไทยไฟต์ ก็ถือว่าผิดสัญญากับสปอร์ต อาร์ต บัวขาวจะต้องถูกปรับ 1 ล้าน 5 แสนบาทนอกจากนี้ การที่ค่ายมวยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้าม บัวขาว ชกมวยหรือถ่ายโฆษณาใด ๆ ก่อนคดีถึงที่สุด ซึ่งศาลนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 2 กรกฎาคม 55 นั้น บัวขาวก็ได้ยื่นคัดค้านแล้ว รวมทั้งบัวขาวได้ยื่นหนังสือขอยกเลิกการเป็นนักมวยไทยไปแล้ว เมื่อ 31 พ.ค.2555 เมื่อบัวขาวไม่มีสถานะเป็นนักมวยแล้ว ก็ย่อมขึ้นชกมวยไทยอีกไม่ได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว ส่วน การถ่ายโฆษณาหรือโชว์ตัวนั้น ไม่เกี่ยวกับการชกมวย บัวขาวย่อมมีสิทธิ์ทำได้ เพราะเป็นเสรีภาพในการประกอบอาชีพ และเป็นสิทธิส่วนบุคคล และบัวขาวจำเป็นต้องทำงานหารายได้เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และดูแลพ่อ พี่น้อง แต่ทั้งนี้อยู่ที่ศาลจะให้ความเป็นธรรม "ถ้าผมไปเปิดร้านขายลาบ ส้มตำ ต้องให้ค่ายอนุญาตก่อนใช่ไหม และต้องแบ่งรายได้ให้ค่ายด้วยหรือ" บัวขาวกล่าวในที่สุดทั้งนี้ ในโลกไซเบอร์ได้มีผู้นำสัญญาของค่าย ป.ประมุข ที่บัวขาวไม่ยอมเซ็นมาเผยแพร่ ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่เห็นเนื้อหาในสัญญาฉบับนี้ต่างพากันวิจารณ์ว่า หาก สัญญาที่เผยแพร่กันอยู่นี้เป็นของจริง ก็มีหลายข้อที่ดูไม่ค่อยเป็นธรรมกับบัวขาวเท่าไหร่ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้บัวขาวต้องประกาศแขวนนวมในที่สุด



บัวขาว ชก MMA

การต่อสู้แบบผสมผสาน

ผอ.สำนักงานมวย กกท. ยืนยัน "บัวขาว ป.ประมุข" สามารถเบนเข็มขึ้นสังเวียน การต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ MMA ได้ เพราะไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.มวย หลังยอดนักชกประกาศแขวน และยื่นหนังสือขอพ้นสภาพการเป็นนักมวยไทยแล้ว...

วันที่ 8 มิ.ย.ความคืบหน้าหลังจาก "บัวขาว ป.ประมุข" หรือนายสมบัติ บัญชาเมฆ ยอดนักชกมวยไทยก้องโลกทำช็อกประกาศอำลาสังเวียน ภายหลังไม่สามารถเจรจาสัญญาข้อตกลงกับค่าย ป.ประมุข ต้นสังกัดได้ เมื่อช่วงสิ้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับยื่นหนังสือขอให้พ้นสภาพจากการเป็นนักมวยไทยของประเทศไทย สังกัดค่ายมวย ป.ประมุข ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า เจ้าตัวเตรียมหันไปเอาดีด้านเอ็มเอ็มเอ (MMA) หรือศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานแทน ภายหลังเฟซบุ๊ก Banchamek Gym ได้เผยแพร่ภาพการฝึกซ้อมออกมาอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับเรื่องนี้ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" ได้สอบถามไปยังนายเดช ใจกล้า ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ซึ่งยืนยันว่าบัวขาวสามารถเล่นกีฬาชนิดนี้ได้ เพราะไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อบังคับของ พระราชบัญญัติกีฬามวย (พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ.2542) เช่นเดียวกับ มวยเควัน, ศิลปะการต่อสู้อื่นๆ หรือแม้กระทั่งการโชว์มวยไทยก็ทำได้ ยกเว้นเพียงแค่การชกมวยไทย และมวยสากลเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของสัญญาระหว่างแชมป์มวยเควัน 2 สมัย และไทยไฟต์ 2011 กับทางค่ายป.ประมุข อีก 5 ปี ยังต้องดำเนินต่อไป นั่นหมายความว่า หากบัวขาวได้รับเงินรางวัลการแข่งขันกีฬาใดๆ หรือรายได้อื่นๆ เช่น การโชว์ตัว, ถ่ายแบบ, เล่นละคร โฆษณา เป็นต้น ทางค่าย ป.ประมุข อาจหยิบยกเรื่องสัญญามาไล่บี้ฟ้องร้องขอส่วนแบ่งกับบัวขาวได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าอยู่นอกเหนือการกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย
ทั้ง นี้ เอ็มเอ็มเอ (MMA) เป็นการผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงไว้ด้วยกัน เช่น มวยไทย, มวยสากล, ยูโด, มวยปล้ำ, คาราเต้, แซมโบ้, ยิวยิตสึ เป็นต้น โดยถือเป็นอีกหนึ่งกีฬาต่อสู้ที่กำลังได้รับความนิยมและแพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ซึ่งมีการแข่งขันอัลติเมต ไฟติ้ง แชมเปียนชิพ (Ultimate Fighting Championship : UFC) ที่มียอดฝีมือมากมายร่วมชิงชัย และมีนักมวยชาวไทยหลายคนผันตัวไปเล่น เช่น แรมบ้า สมเดช M-16 และยอดสนั่น ศิษย์ยอดธง เป็นต้น.

แหล่งที่มา

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Smile Copyright © 2012 Design by Antonia Sundrani Vinte e poucos